spider man spider verse หนึ่งปีภายหลังเรื่องในภาคแรก ไมล์ส โมราเลส ไม่อาจจะติดต่อกับสมัยก่อนเพื่อนในภาคแรกรวมทั้ง เกวน สเตซี ที่รักของเขา แต่ว่าแล้วการปรากฏตัวของคนร้ายคนใหม่นามว่าสปอตที่มีพลังของหลุมมิติ ก็ได้ชักชวนให้ไมล์สได้เข้ามาพัวกันรวมทั้งร่วมมือกับเหล่าสไปเดอร์แมนอื่นในทุกจักรวาล เพื่อจัดการกับภัยร้ายซึ่งอาจจะส่งผลให้มีการพังทลายของทุกจักรวาล
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นประเด็นนี้เป็นภาคต่อของ Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ที่ในภาคนี้จะยังคงพาพวกเราไปติดตามการเจริญเติบโตของ Miles Morales (บรรยายเสียงโดย Shameik Moore) เด็กวัยหนุ่มวัยรุ่นอายุ 15 ปีที่จำต้องแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ในฐานะ สไปเดอร์-แมน ผงาดสู่จักรวาลแมงมุม โดยในภาคนี้จะปูไปสู่เรื่องราวที่ยิ่งใหญ่กว่าภาคแรก เนื่องจากว่าจะมีการผ่านมัลติเวิร์สกันเกือบจะทั้งยังเรื่อง
ซึ่งผู้ชมจะได้เผชิญกับเหล่าสไปดี้เยอะแยะหลายเวอร์ชันที่จำเป็นต้องมารวมตัวกันเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยจำเป็นต้องประมือกับคนร้ายตนใหม่อย่าง The Spot (บรรยายเสียงโดย Jason Schwartzman) ผู้มีพลังดีเลิศซึ่งสามารถผ่านจักรวาลได้ ในที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งสิ้นจะจบยังไง ทุกคนจำเป็นต้องไปรับดูด้วยตาตนเอง Spider-Man: Across the Spider Verse (สไปเดอร์-แมน: ผงาดผ่านจักรวาลแมงมุม) ฉายแล้ววันนี้ทุกโรงหนัง
รีวิว spider man spider verse ว่าที่แอนิเมชั่นที่สุดยอดที่ปี 2023
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคปัจจุบันของแฟรนไชส์ พร้อมทำสถิติรายได้เปิดตัวทั้งโลกทะลุ 120 ล้านเหรียญฯ ขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุดในซัมเมอร์ 2023 ภาพยนตร์แอนิเมชั่นภาคต่อของ Spider-Man: Into the Spider-Verse (2018) ภายหลังที่ “ไมลส์ มอราลเลส” ได้กลับมาพบกับ “เกว็น สเตซี่” สไปเดอร์-แมนเพื่อนบ้านที่แสนดีได้เข้าไปสู่มัลติเวิร์สใหม่ของเหล่าแมงมุม
ที่ทำให้ไมล์สได้เจอกับสไปเดอร์คนอื่นแม้กระนั้นแล้วความไม่ถูกกันก็เกิดขึ้นเนื่องจากว่าความคิดเห็นของทั้งคู่ฝั่งมีความขัดแย้ง ทำให้เหล่าสไปเดอร์ตามล่าตัว ไมลส์ เพื่อความตั้งใจของการเป็นซูเปอร์วีรบุรุษที่จริงจริงและก็ คุ้มครองผู้ที่เขารัก รวมทั้งนี่เป็นศึก spider man spider verse ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจักรวาลที่ไม่มีการคาดการณ์ของสไปเดอร์-แมนโซนี่ยังคงเอาจริงเอาจังจะทำหนังซูเปอร์วีรบุรุษตัวชูโรงของพวกเขา
ให้เหมาะสมที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ข้างหลังทำหนังแบบคนแสดงมา 2 ชุด ก็หันมาทำไอ้แมงมุมให้แปลงเป็นแอนิเมชันบ้าง รวมทั้งภายหลังบรรลุผลสำเร็จ ได้เสียงตอบรับที่ดีจากภาคแรก ก็ได้ในตอนที่ภาคสองจะผงาด spider man spider verse ที่ชื่อไทยก็ยาวไม่แพ้กัน ‘สไปเดอร์-แมน: ผงาดผ่านจักรวาลแมงมุม’ หนังที่เล่าสไปเดอร์-แมนที่วุ่นวายชุลมุนอยู่กับมัลติเวิร์ส
รีวิวหนัง “No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย”
มันก็คงจะครู่หนึ่งนึงได้แล้วนะ ที่พวกเรามิได้ปลดปล่อยเสียงหัวเราะออกมาแบบเต็มๆให้กับโปรแกรมหนังซัมเมอร์ที่สุดจริง..ตึงจริงอะไรแบบงี้ แล้วก็การมาของภาพยนตร์ตลกติดจัญไรเรื่องปัจจุบันในปีนี้ก็ได้มาช่วยเติมเต็มส่วนที่เลือนหายนั้นไป นี่เป็น “No Hard Feelings สาวแซ่บ..แอ๊บมาอ่อย” ที่เป็นงานคัมแบ็กกลับมาเล่นหนังอีกรอบของ “เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์” ภายหลังที่คุณเบรกไปเลี้ยงลูกได้ 2-3 ปี
เกิดเรื่องราวของ แมดดี้ สาวฟรีแลนซ์ที่มิได้มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง คุณมีรถยนต์รวมทั้งขับอูเบอร์รับจ้างไปวันๆแม้กระนั้นกำลังเจอกับปัญญาทางด้านการเงินอย่างที่สุด ซ้ำร้ายยิ่งไปกว่านั้นรถยนต์ที่เป็นเครื่องไม้เครื่องมือหาเลี้ยงชีพของคุณกำลังจะถูกยึดไป แม้กระนั้นแล้วคุณก็ได้เจอกับโพสต์แปลกๆในชุมชนออนไลน์ที่อยากคนช่วยเหลือผู้ที่กำลังเจอปัญหากับสังคม โดยบิดามารดาครอบครัวหนึ่งที่กังวลว่าลูกชายของพวกเขาจะไม่รู้การเข้าสังคม
เพอร์ซี่ เป็นเด็กวัยหนุ่มที่เริ่มจะมีอายุปิ้งไปสู่ชีวิตเรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็นเด็กเนิร์ดที่หมกหมุ่นอยู่แต่ว่ากับงานด้านวิชาการ ไม่สนใจที่จะมีความสัมพันธ์อะไรก็ตามกับบุคคลอื่น แล้วก็ไม่มีแนวความคิดที่จะจีบผู้หญิงรวมทั้งปลดล็อกความสิงของตนเลย ฉะนั้น..เพื่อจำต้องแรกกับรถยนต์ที่คุณจะต้องใช้ทำรับประทาน แมดดี้ ก็เลยตกลงใจก้าวขาย่างก้าวมารับงานนี้ เพื่อจะทำทีเป็นคู่รักของเพอร์ซี่ เพื่อปลูกฝังใจร้อนเร่าและก็ความจอแจทางฮอร์โมน
หนังเป็นการร่วมงานกันอีกทีของฮาร์เกรฟกับมือเขียนบทอย่าง โจ รุสโซ (Joe Russo) ผู้กำกับแล้วก็มือเขียนบท ‘Avengers: Endgame’ (2019) โดยปรับเปลี่ยนจากกราฟิกโนเวล ‘Ciudad’ ที่มีเบื้องหลังในเมืองซิวดัด เดล เอสเต (Ciudad del Este) เมืองเสื่อมด้านศีลธรรมของขว้างรากวัย ซึ่งพลอตก็ถูกจับมาใช้แบบหละหลวมๆจากซิวดัดเมืองอันตรายในกราฟิกโนเวล มาเป็นประเทศบังกลาเทศที่ออกโทนร้อนแบบประเทศโลกลำดับที่สามในหนังภาคแรก
และก็มาสู่อดีตกาลรัสเซียอย่างสาธารณรัฐหน้าจอร์เจียที่ออกโทนเย็นเหน็บหนาวตัดกันอย่างสิ้นเชิงในหนังภาคนี้ โดยยังคงยึดเส้นเรื่องง่ายๆของการเกื้อกูลคนไม่แข็งแรงอย่างเด็กหรือเพศหญิงหลบซ่อนกึ่งกลางป่าดงศัตรูที่อยู่ทุกที่ เปิดช่องให้ใส่ฉากแอ็กชันหรูหราตลอดทั้งเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยม แล้วก็น่าจะเป็นธีมสำคัญที่ทำให้เด่นแตกต่างจากหนังประเภทเดียวกันเรื่องอื่น
รีวิวภาพยนตร์ Sori : Voice of the Heart (2016)
เป็นหนังแฟนตาซีดราม่าผสมไซไฟ มิตรภาพที่น่ารักน่าชังของคนกับหุ่นยนต์ เบิกบานเพลิน กระทั่งทำให้ระลึกถึงหนังดังฮอลลีวูดเรื่อง E.T. เพื่อนรักจากต่างดาว เมื่อหลายสิบปีกลาย (ว๊า! ทราบวัยคนเขียนเลย!) หนังบางทีอาจมิได้ล้ำเลิศได้ถึงขนาดนั้น แม้กระนั้นมันมีอารมณ์ความสนุกสนานรวมทั้งจับใจแนวเดียวกัน เนื่องจากว่าเป็นพล็อตของมิตรภาพระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์ ซึ่งคนเขียนถูกใจความดีเลิศของ Sori : Voice of the Heart ด้านอื่นๆ
อีกเป็นมีความกลมกล่อมหลากรสจากหลายเส้นเรื่องที่เอามาผูกร้อยกันไว้อย่างพอดี เป็นเอกลักษณ์ของบทสไตล์ประเทศเกาหลี จำเป็นต้องได้อีกทั้งยิ้ม ฮาๆและก็ซึ้งๆหนังหัวข้อนี้มีคะแนน IMDb 7 ก็นับว่าใช้ได้นะแต่ว่าการยกเครื่องผู้กำกับใหม่ทั้งยังชุด จากในภาคแรกที่ยังเพียงพอส่งผลงานหนังยาวรับรองมาบ้าง เปลี่ยนมาเป็น วาคิม ดอส ซานโตส (Joaquim Dos Santos) เคมป์ พาวเวอร์ส (Kemp Powers)
โดยจะมีคณะทำงานเดิมที่หลุดมาก็เพียงแต่มือเขียนบท ฟิล ลอร์ด (Phil Lord) ที่คงจะมาช่วยทำให้เรื่องราวสืบต่อราบรื่น กับเพิ่มกลุ่มเขียนบทมาด้วยอีก 2 คนหมายถึงคริสโตเฟอร์ ไม่ลเลอร์ (Christopher Miller) แล้วก็ เดฟ กัลลาหมูแฮม (Dave Callaham) ที่รายข้างหลังพึ่งส่งผลงานอย่าง ‘Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings’ (2021) มองเป็นงานที่ดูดีสุด แม้กระนั้นก็ยังไม่น่าจะมากพอ
แฮกวาน (รับบทบาทโดย อีซองไม่น) ป๊ะป๋าสุดที่รักบุตรสาวมากมาย มีความสนิทสนมกันมาตั้งแต่เล็ก แต่ว่าเมื่อบุตรสาวเป็นยูจู (เล่นบทโดย แชซูบิน) ไปสู่วัยรุ่น ช่องว่างก็กำเนิด ความเชื่อมโยงก็สะดุด และก็ไม่ได้มีการติดต่อ หายไปในตอนที่คุณไปศึกษาต่อที่โซล ในขณะนี้เวลาก็ล่วงมาถึง 10 ปีแล้ว แฮกวานซึ่งทำใจรับมิได้ว่าลูกบางทีอาจตายไปแล้ว ทนทุกข์ทรมานใจมานานกระทั่งแทบจะยอมแพ้แล้ว
สำหรับหัวข้อนี้บอกเลยว่าคอยมานานยาวนานหลายปีมากมายๆเพราะว่าผมถูกใจภาคแรกในปี 2018 มากมาย ซึ่งพอใช้ได้ไปดูจริงๆก็จำต้องบอกตามจริงว่า “ไม่ผิดหวังเลยแม้แต่น้อย” ค่อนข้างจะเกินกว่าที่คาดหวังไว้ด้วย เห็นด้วยจริงๆว่านี่เป็นหนังที่เหมาะสมที่สุดเรื่องหนึ่งในครึ่งปี 2023 spider man spider verse ก่อนหน้าที่ผ่านมา เพราะเหตุว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันพอดีแล้วก็ดีเลิศไปหมด อีกทั้งงานภาพ พินิจพิจารณาค้นหาเสียงหรือประมวลข้อมูลที่เกี่ยวโยงเชื่อมโยงกับเสียงนั้นๆได้อย่างเที่ยงตรง
การออกแบบฉาก การตัดต่อ การเล่าเรื่อง ความแข็งแรงของบท ซึ่งมันพอเหมาะพอดีไปหมด นับตรงเวลา 2 ชั่วโมงกว่าที่เป็นสุขแล้วก็อิ่มเอมมากมายๆสรุปว่าเกริ่นภาพรวมกันมามากพอแล้ว พวกเราไปให้รายละเอียดถึงความแจ๋ว ไปจนกระทั่งจุดด้วยนิดหน่อยที่อาจจะก่อให้ใครหลายๆคนไม่ถูกใจ แต่ว่าโดยภาพรวมมันมีจุดเด่นมากยิ่งกว่าจำนวนมาก โซรี (สวมบทบาทเสียงบรรยายโดย ลองอึนคยอง) เป็นหุ่นยนต์ในดาวเทียมสืบของท้องนาซ่า
ที่เกิดหลุดตกลงมาในประเทศเกาหลีในจุดที่แฮกวานผู้ซึมถูกคลื่นซัดมาอยู่บนหาดทรายเดียวกัน โซรีถูกทำมาเป็น AI (Artificial Intelligenceหมายถึงปัญญาประดิษฐ์ คงจะจะต้องแปลต่ออีกว่า เป็นประดิษฐกรรมที่สร้างด้วยวิทยาการของวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ให้มีความรู้ความสามารถเอาอย่างมนุษย์ ในด้านต่างๆบางครั้งก็สร้างจนกระทั่งเฉลี่ยวฉลาดล้ำกว่ามนุษย์อีก) พรสวรรค์ของโซรี เป็นการรับทราบเรื่องเสียง จำเสียงทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ได้ ไม่ว่าจะสมัยก่อนหรือเดี๋ยวนี้
รีวิว Extraction 2
ไทเลอร์ เรก ทหารรับจ้างที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ในทำการที่ประเทศอินเดีย ได้รับมอบหมายภารกิจใหม่ให้ช่วยเหลือครอบครัวม่าม้าลูกสองจากตารางภายใต้มือของกลุ่มอันธพาลชาวหน้าจอร์เจียผู้โหดเหี้ยม ภายหลังจากภาคแรกในปี 2020 ที่ได้ผลงานดูแลคราวแรกของผู้กำกับ แซม ฮาร์เกรฟ (Sam Hargrave)ผ่านมา 3 ปี ฮาร์เกรฟก็ยังมิได้ส่งผลงานเรื่องอื่นเลยอย่างกับ ‘Extraction 2’ ได้สรุปความพึงพอใจทั้งผองในชีวิตของเขาเอาไว้ ด้วยความทะยานอยากที่มากกว่าเดิมอีกทั้งปริมาณคณะทำงาน
ถึงแม้ว่าอนาคตพวกเราบางครั้งอาจจะได้มองเห็นหนังเรื่องอื่นที่อยู่ในขั้นเตรียมงานสร้างที่ออกนอกจักรวาลของ ‘Extraction’ บ้าง อย่างเช่น ซีรีส์แนวแอกชันตื่นเต้นกึ่งกลางทุ่งหิมะ ‘The Last Frontier’ ที่จะนำแสดงโดย เจสัน คลาก (Jason Clarke) แล้วก็หนังซูเปอร์ฮีโร ‘Prophet’ จากค่าย Image Comics เจ้าเดียวกับคอมิก ‘The Walking Dead’ ที่ฮาร์เกรฟจะได้ร่วมงานกับ เจก จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal)
ซึ่งก็อาจคือเรื่องของอนาคต แม้กระนั้นก็ช่วยทำให้มองเห็นได้ว่าฮาร์เกรฟไม่ใช่ผู้กำกับที่ถูกละเลยจากบริษัทหนัง แม้กระนั้นเขาเลือกใส่พลังสุดกำลังกับ ‘Extraction 2’ ประเด็นนี้มากมายแค่ไหนฉากทดลองเทคกว่า 20 นาที ออกกองถ่ายทำใน 3 ประเทศด้วยสเกลขนาดใหญ่ตั้งแต่ตาราง ทางรถไฟ ไปจนกระทั่งอาคารสูงบอกได้เลยว่าหนังแบบ No Hard Feelings นี่แหละจะเป็นหนังที่เหล่านักวิพากษ์วิจารณ์เกลียดชัง
แต่ว่าฝั่งผู้ชมจะหลงใหลมันไม่มากมายก็น้อยเลยล่ะ แล้วก็นี่เป็นผลงานดูแลตัวบิดาเรื่องสัปดน “จีน สตุๆปนิทสกี้” ที่เคยฝากฝั่งผลงานเรื่องก่อนใน Good Boys เมื่อปี 2019 กลับมาคราวนี้เขาก็ยังอยู่ในลูปของวัยรักวัยศึกษา แม้กระนั้นเพิ่มด้วยเส้นเรื่องที่ว่าถึงการเติบโตรวมทั้งเปลี่ยนแปลงผ่านวัยจากวัยรุ่นไปสู่วัยผู้ใหญ่อย่างยืนหยัดแน่ๆว่า จีน สเหม็นตุปนิทสกี้ ยังคงมารับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังประเด็นนี้ด้วยตัวเขาเองอีกเหมือนปกติ และก็หนังสไตล์ก็คือแนวถนัดของเขาอย่างยิ่งจริงๆล่ะ
ทำให้จังหวะจะโทนและก็มูดอารมณ์ต่างๆในหนังหัวข้อนี้ออกจะเล่าเรียงออกมาได้อย่างลื่นไหลดี แม้ว่าจะเอาเข้าจริงๆเค้าโครงเรื่องมันก็ซ้ำๆซากๆและก็เต็มไปด้วยความเชย ตามแบบภาพยนตร์ตลกลามกในต้นๆตอนสมัยปี 2000s bwin33 อะไรทำนองนั้นเลยและก็จัสติน เค. ธอมป์สัน (Justin K. Thompson) ที่ส่งผลงานแอนิเมชันโทรทัศน์ซีรีส์เสียโดยมาก ให้ใกล้เคียงตอนวัยของหนุ่มน้อยที่กำลังจะเติบโตไปสู่โลกกว้างในฐานะการเป็นผู้ใหญ่